โดยรัฐได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรคไวรัส โคโรนา 2019 แต่การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทำให้ประชาชนจำนวนมากขาดความระมัดระวัง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการติดต่อ อีกทั้งได้มีคนเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาติดต่อในประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการผลิตวัคซีนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จึงยังมีความจำเป็นต้องกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ควบคุมดูแลกลุ่มบุคคล กิจการ และป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในรอบใหม่ เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างเอกภาพ มีประสิทธิภาพ จัดการอย่างทันท่วงที จึงอาศัยอำนาจนายกรัฐมนตรี ขยาย พรก ฉุกเฉินรอบที่ 5 ถึงวันที่ 30 กันยายน 63 นี้
ทั้งนี้ยังยืนยันว่าจะไม่มีการนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาบังคับใช้กับการชุมนุม แต่หากการชุมนุมเป็นไปตามกรอบกฎหมายก็ไม่มีปัญหาอะไรแม้ว่าจะกระจายไปยังโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศส่วนกรณีการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางกลับจากประเทศตรวจพบที่ รพ.รามาฯ นั้น ขอให้อยู่ในการดูแลของกระทรวงสาธารณสุขและเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกันกับการพิจารณาทบทวนมาตรการใหม่ ซึ่งในวันศุกร์นี่จะมีการประชุมในเรื่องที่มีการผ่อนคลายมาตรการไปแล้วทั้งการเปิดเรียนเต็มรูปแบบ ระบบขนส่งสาธารณะ รวมไปถึงการอนุญาตให้เข้าชมกีฬ ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับทั้ง 3 กรณีที่ผ่อนปรนไปแต่ต้องสืบส่วนต่อไป